ปีหน้าลุยทางคู่ 4 สาย 1.3 แสนล้าน! ดึง “หาดใหญ่-ปาดังเบซาร์” เข้าโครงการด่วน
เมื่อวันที่ 11 ต.ค. นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยม และมอบนโยบายให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ว่า ได้สั่งการให้ รฟท. ปรับแผนการดำเนินโครงการรถไฟทางคู่ ระยะ(เฟส) ที่ 2 โดยให้นำช่วง ชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ระยะทาง 45 กิโลเมตร(กม.) วงเงิน 7,864 ล้านบาท ขึ้นมาดำเนินการในลำดับแรกๆ พร้อมกับช่วงขอนแก่น-หนองคาย, ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย และช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี เนื่องจากเป็นความต้องการของประชาชน และภาคธุรกิจในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจการค้าชายแดน และทำให้การค้าชายแดนสะดวกมากขึ้น ทั้งนี้เดิมช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ถูกจัดลำดับความสำคัญไว้ในอันดับสุดท้ายของแผนการดำเนินงาน
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า เบื้องต้นได้รับรายงานว่าขณะนี้ช่วงขอนแก่น-หนองคาย ระยะทาง167กมคำพูดจาก ทดลองปั่นสล็อต. วงเงิน29,748ล้านบาท ได้ผ่านการพิจารณาความเห็นชอบจากคณะกรรมการ(บอร์ด) รฟท. และเสนอมายังกระทรวงคมนาคม เพื่อเตรียมเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) พิจารณาแล้ว ส่วนอีก3เส้นทาง ได้แก่ ช่วงปากน้ำโพ-เด่นชัย ระยะทาง285กมคำพูดจาก สล็อตเว็บตรง. วงเงิน59,399ล้านบาท, ช่วงชุมทางถนนจิระ-อุบลราชธานี ระยะทาง308กม. วงเงิน36,683ล้านบาท และช่วงชุมทางหาดใหญ่-ปาดังเบซาร์ ทาง รฟท. จะเสนอบอร์ด รฟท. พิจารณาในวันที่19ต.ค.66ก่อนเสนอกระทรวงคมนาคม และ ครม.ต่อไป ซึ่งคาดว่าจะเสนอให้ ครม. พิจารณาได้ในเดือน พ.ย.66และเปิดประมูลทั้ง4เส้นทางได้ภายในปี67
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ทั้ง4โครงการมีความพร้อมแล้ว และเป็นโครงการที่ผ่านความเห็นชอบรายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) จากคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ(กก.วล.) แล้ว หาก ครม. เห็นชอบก็สามารถดำเนินการได้ทันที โดยตามแผนงานแต่ละเส้นทางจะทยอยก่อสร้างแล้วเสร็จ และสามารถเปิดให้บริการได้ตั้งแต่ปี70-72อย่างไรก็ตามนอกจากนี้ได้เร่งรัดให้ผลักดันโครงการระบบรถไฟชานเมือง(รถไฟฟ้าสายสีแดง) ส่วนต่อขยาย โดยจะเสนอเข้า ครม. พิจารณาภายในสิ้นปี66จำนวน3เส้นทาง ซึ่งปัจจุบันผ่านความเห็นชอบจากบอร์ด รฟท. แล้ว1เส้นทาง ได้แก่ ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ระยะทาง 8.84 กม. วงเงิน 6,468 ล้านบาท
นายสุรพงษ์ กล่าวด้วยว่า ส่วนอีก2เส้นทาง ได้แก่ ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช ระยะทาง 5.7 กิโลเมตร(กม.) วงเงิน 4,616 ล้านบาท และช่วงตลิ่งชัน-ศาลายา ระยะทาง 14.8 กม. วงเงิน 10,670 ล้านบาท จะเสนอเข้าบอร์ด รฟท. พิจารณาในเร็วๆ นี้ ในส่วนของรูปแบบการลงทุนโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนต่อขยายที่เดิมจะเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(PPP)นั้น เบื้องต้นจะให้เปิดประมูลในส่วนของงานโยธาก่อน ส่วนการบริหารงานเดินรถ งานระบบตั๋ว จัดหาขบวนรถ และการดำเนินงานและบำรุงรักษา(O&M)นั้น ยังอยู่ระหว่างการพิจารณา
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ขณะเดียวกันได้เร่งรัดการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีด) ตามความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทย-จีน ระยะ(เฟส)ที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กม. วงเงิน1.79แสนล้านบาท ซึ่งขณะนี้เหลือการลงนามสัญญา2สัญญาจากทั้งหมด14สัญญา ได้แก่ สัญญาที่ 4-5 ช่วงบ้านโพ-พระแก้ว ระยะทาง 13.3 กม. เตรียมลงนามสัญญาเดือน ต.ค.66 และสัญญาที่ 4-1 ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง ระยะทาง 15.21 กม. ยังมีประเด็นเรื่องการดำเนินงานกับโครงการรถไฟไฮสปีดเชื่อมสามสนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ซึ่งเป็นช่วงที่มีโครงสร้างทับซ้อนกัน อยู่ระหว่างการเจรจา ซึ่งได้มอบนโยบายให้เร่งเคลียร์ทุกปัญหาให้จบภายในปี66เพราะเวลาไม่รอใครเดินหน้าตลอด
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า จากการรับฟังการรายงานผลประกอบการของ รฟท. พบว่า ยังขาดทุน และมีหนี้สะสมกว่า2แสนล้านบาท มีจุดอ่อนเรื่องการตลาด ซึ่งเป็นจุดที่จะช่วยเพิ่มรายได้ได้ จึงมอบให้พิจารณาหาบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญ (Outsource)เข้ามาช่วย หรือตั้งทีมของ รฟท. ขึ้นมาดูแลเรื่องนี้โดยเฉพาะ นอกจากนี้มอบให้ รฟท. ปรับเป้าหมายการทำกำไรจากการดำเนินงานก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA)เป็นบวก โดยต้องให้เกิดขึ้นในปี67(ไม่รวมหนี้สะสม) ซึ่งจะเร็วกว่าที่แผนฟื้นฟูกำหนดไว้ว่าไม่เกินปี76และในปี68ให้เพิ่มขึ้นเป็นกำไร โดยการที่จะทำให้ผลการดำเนินงานไม่ขาดทุน ต้องลดรายจ่าย และเพิ่มรายได้จากทั้งการขนส่งสินค้า และผู้โดยสาร
นายสุรพงษ์ กล่าวอีกว่า ปัจจุบันมีการขนส่งสินค้าทางราง3%ของปริมาณขนส่งสินค้าทั้งประเทศ มีรายได้จากการขนส่งสินค้าประมาณ2พันล้านบาทต่อปี โดยให้หาวิธีเพิ่มการขนส่งสินค้าทางรางให้เป็น30%หากทำได้รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ2.2หมื่นล้านบาทต่อปี ขณะที่การขนส่งผู้โดยสารอยู่ที่2%ของการเดินทางของประชาชนทั่วประเทศ โดยให้ รฟท. ไปตั้งเป้าหมายว่าจะเพิ่มตัวเลขได้อยู่ที่เท่าไหร่ อย่างไรก็ตามตนจะลงมาติดตามงาน รฟท. ที่ได้สั่งการไปทุก3เดือน ส่วนเรื่องการจัดหารถโดยสารดีเซลรางปรับอากาศ 184 คัน จะเร่งรัดให้ดำเนินการจัดหาฯ ภายในปีงบประมาณ67พร้อมทั้งให้เร่งปรับปรุงคุณภาพรถโดยสาร รวมถึงการบริการที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ส่วนเรื่องการปรับราคาค่าโดยสารที่ได้ปรับไปครั้งสุดท้ายเมื่อปี38นั้น ขอให้ รฟท. ทำคุณภาพให้ดีก่อน จากนั้นจึงจะมาว่ากันเรื่องการปรับขึ้นค่าโดยสาร.